ถามตอบกฎหมายข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 21 กันยายน 2567
“ไอ้แม็ก” จนมุม ฆ่าชิงเก๋ง สาวแอปโบลท์ ตำรวจหญิง ตม.ภูเก็ต รับซื้อไว้
“ไอ้แม็ก” มือฆ่าสาวหล่อเปิดปากนาทีสังหาร เรียกรถผ่านแอปฯโบลท์ เห็นคนขับเป็นหญิงแกล้งเมารถ เหยื่อหลงกลจอดข้างทางให้อ้วก แถมใจดีลงมาดูแลสบโอกาสใช้แขนล็อกคอแน่นิ่ง แล้วคว้าสายชาร์จมือถือรัดคอซ้ำลากศพหมกคูน้ำชิงเก๋งเอ็มจีไปขายให้พรรคพวก ก่อนมี ร.ต.ท.พื้นที่ จ.นครสวรรค์ ซื้อให้น้องเมียเป็นตำรวจหญิงขับไปใช้งานใน จ.ภูเก็ต เผยฆาตกรเหี้ยมประวัติฉาวยาวเป็นหางว่าว เจ้าของรถเช่าเมืองพัทยา เผยคนร้ายหลอกเช่ารถ จยย.วันเดียว 6 คัน แจ้งตำรวจแต่ทำงานอืด เชื่อถ้าเร็วกว่านี้เหยื่อสาวหล่อคงไม่ตาย
มาตรา ๓๓๙ ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
– ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท -ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดแห่งมาตรา ๓๓๕ หรือเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสามแสนบาท
– ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
– ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท
– ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2529 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมีส่วนกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ของผู้ตายในเวลากลางคืน ไม่พอฟังว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะเหตุถูกชิงทรัพย์และปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง โจทก์ไม่อุทธรณ์ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อสะดวกในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ หรือในการชิงทรัพย์ครั้งนี้เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการตายของผู้ตายจึงต้องฟังตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ตายมิได้ถึงแก่ความตายเพราะเหตุถูกชิงทรัพย์ครั้งนี้ แม้คดีจะน่าเชื่อว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อความ
สะดวกในการชิงทรัพย์และได้ชิงเอาเงิน 19,500 บาท ของผู้ตายไปก็จะปรับบทเป็นความผิดตามมาตรา 339 วรรคห้าไม่ได้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักเอาเงินสด 19,500 บาทของผู้ตายไปโดยใช้ไม้ตีและมีดแทงผู้ตายหลายแห่งโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ และนำสืบเช่นนั้น แต่ศาลชั้นต้นฟังพยานหลักฐานของโจทก์แต่เพียงว่าจำเลยมีส่วนในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ และไม่ฟังว่าการตายของผู้ตายเกิดจากการชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นการที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงของคู่ความว่าจะเชื่อได้เพียงใดมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอ
แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
สงสัยกฎหมาย 0816116174 ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี
[vid_embed]
ดูเพิ่มเติม :
https://www.facebook.com/100044524780558/posts/1072150927612390
เพจ Facebook :
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี